วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2551

My Blueberrry Nights

เรื่องย่อภาพยนตร์
อลิซาเบธ (Norah Jones) หญิงสาวผู้ผิดหวังจากความรัก ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง โดยมุ่งหวังที่จะให้ตัวเธอไกลจากการอกหัก และเมื่อความปวดร้าวในใจเริ่มจะทุเลาลง ประสบการณ์ที่อลิซาเบธได้รับจากบรรดาคนแปลกหน้า ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยนั้น นำพาเธอไปสู่สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตซึ่งเธอไม่เคยคิดมาก่อน เริ่มจากความคิดในเชิงกวีของเจ้าของคาเฟ่ที่เปิดบริการทั้งคืน (Jude Law) สู่ข้อเสนอที่สิ้นหวังของนักพนันสาวผู้อับโชค (Natalie Portman) ตามด้วยข้อผูกมัดที่แตกหักระหว่างตำรวจที่กำลังทุกข์ใจ (David Strathairn) กับภรรยาที่ไม่ยอมฟังเขา (Rachel Weisz) เรื่องราวของแต่ละคนเหล่านี้ ช่วยหล่อหลอมทำให้อลิซาเบธสดใสขึ้น และค่อยๆ ที่จะเริ่มปล่อยให้อดีตผ่านไป เมื่อเธอได้ค้นพบเส้นทางใหม่สำหรับตัวเธอ คือเส้นทางไปสู่รักแท้My Blueberry Nights

เกี่ยวกับภาพยนตร์
Wong Kar Wai ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง อธิบายถึงการเตรียมการในการสร้าง My Blueberrry Nights ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเขา ขณะที่บทโครงร่างภาพยนตร์ของเขาจะยังไม่ได้ถูกเขียนเป็นตัวอักษร แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไม Wong ถึงได้ใส่ใจกับมันค่อนข้างมาก ภาพยนตร์เรื่องก่อนของเขา คือ เรื่อง 2046 เป็นภาพยนตร์ ดราม่าแนวเรโทร-ฟิวเจอริสติกนั้น ประสบปัญหาความล่าช้า และการถ่ายซ่อมอย่างมาก ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว และหลังจากประสบการณ์เช่นนั้น ความกระตือรือร้นของ Wong ในการเริ่มต้นงานภาพยนตร์เรื่องใหม่จึงมีให้เห็นอย่างชัดเจน “ในช่วงเวลา 5 ปี คุณสามารถสร้างภาพยนตร์ได้ 5 เรื่อง แต่ผมใช้ถึงเวลา 5 ปีในการสร้างภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว”จุดเริ่มต้นของ My Blueberry Nights เริ่มขึ้นในปี 2005 ในตอนที่ Wong กำลังค้นคว้าข้อมูลสำหรับภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งในกรุงนิวยอร์ค เมื่อโปรเจ็คภาพยนตร์เรื่องนั้นถูกชะลอไว้ก่อน Wong จึงตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์เล็กๆ ที่ไม่ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า ซึ่งเป็นอารมณ์เดียวกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของเขา (CHUGKING EXPRESS, HAPPY TOGETHER และ FALLEN ANGELS) ที่จะถ่ายทำแบบ on-the-fly และไม่ต้องการการเตรียมการอะไรที่มากมาย

Wong ไม่สนใจสถานที่ถ่ายทำที่แปลกใหม่และฉากย้อนยุค ซึ่งเริ่มจะกลายสัญลักษณ์ติดตัวเขาไปแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่เขากลับตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์ดังที่เขาอธิบายว่า “My Blue Berry Nights เป็นธรรมชาติและร่วมสมัย”นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังสื่อเป็นประสบการณ์ส่วนตัวสำหรับผู้กำกับที่ชอบความท้าทายคนนี้ “ผมอยากเห็นว่า ธีมการสร้างภาพยนตร์แบบนี้ จะถูกแปลออกมาในวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ที่แตกต่างกันนี้ได้อย่างไร” แม้ว่า My Blueberry Nights จะมีความแตกต่างจาก 2046 ค่อนข้างมาก แต่ Wong ก็คิดเอาไว้ว่า My Blueberry Nights เป็นเหมือนสิ่งที่เติมเต็มให้กับภาพยนตร์ภาษาจีนของเขา “My Blueberry Nights เป็นเรื่องเกี่ยวกับระยะทาง ส่วน 2046 เป็นเรื่องเกี่ยวกับเวลา” Wong อธิบาย “ผมชอบที่มันมีความเชื่อมโยงกันระหว่างภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่ผมสร้าง”

แม้ว่า My Blueberry Nights เป็นการทำงานที่แตกต่างไปของผู้กำกับ Wong Kar Wai แต่ก็ยังมีองค์ประกอบหลายส่วนในภาพยนตร์ที่เขาได้นำมาจากการทำงานสร้างภาพยนตร์จีนของเขาด้วย สิ่งหนึ่งก็คือ การใช้นักแสดงหลากหลายมารวมกัน (2046, FALLEN ANGELS, DAYS OF BEING WILD) โดยปกติ ทีมนักแสดงของ Wong จะประกอบด้วยผู้แสดงที่หลากหลาย มาจากคนละด้านคนละสาขาที่ไม่เหมือนกัน และมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน เพื่อให้นักแสดงที่มาร่วมงานนั้น มีตั้งแต่นักแสดงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไปจนถึงดาราขวัญใจวัยรุ่น และ My Blueberry Nights ก็ยังคงรักษาประเพณีที่มาปฏิบัติมานานนี้ไว้เช่นกัน โดย Wong เลือกนักแสดง ซึ่งประกอบด้วยนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 คน นักแสดงรางวัลออสการ์ 1 คน และนักร้องเจ้าของรางวัลแกรมมี่อีก 1 คน

ซึ่งประกอบด้วย “Jude Law”, “David Strathairn” และ “Natalie Portman” ซึ่งทั้งสามเป็นนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ รวมทั้ง “Rachel Weisz” นักแสดงรางวัลออสการ์ ที่จะมาร่วมกับ “Norah Jones” เป็นทีมนักแสดงของ My Blueberry Nights อย่างเป็นทางการ Wong ตื่นเต้นกับทีมนักแสดงของเขามาก และเขามีความคิดเห็นว่า “นักแสดงนำทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้ ล้วนแต่เป็นนักแสดงที่ผมอยากร่วมงานด้วยเป็นการส่วนตัวมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาส จนกระทั่งมาถึงภาพยนตร์เรื่องนี้”

My Blueberrry Nights ได้ออกฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศภาพภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 60(2007) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับเลือกให้เป็น the Opening Night Film

รายละเอียดภาพยนตร์

ชื่อภาษาอังกฤษ :
My Blueberry Nights
ชื่อภาษาไทย : 300 วัน 5,000 ไมล์ ห่างไกลไม่ห่างกัน
กำหนดฉาย : 27 มีนาคม 2008
ประเภทหนัง : Drama / Romance
เวลา : 111 นาที
ผู้กำกับ : Kar Wai Wong
บทภาพยนตร์ : Kar Wai Wong Lawrence Block

นักแสดง :
- Norah Jones(นักร้องเจ้าของรางวัลแกรมมี่) รับบทเป็น Elizabeth
- Jude Law นักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้ง (COLD MOUNTAIN, THE TALENYED MR.RIPLEY) รับบทเป็น Jeremy
- David Strathairn นักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (GOOD NIGHT, AND GOOD LUCK) รับบทเป็น Arnie
- Natalie Portman นักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (CLOSER) รับบทเป็นLeslie
- Hector A. Leguillow รับบทเป็น Cafe Cook
- Rachel Weisz นักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง THE CONSTANT GARDENER รับบทเป็น Sue Lynne
- LaVita Brooks รับบทเป็น Cafe Woman
- Nate Bynum รับบทเป็น Harlan
- Chad R. Davis รับบทเป็น Elizabeth's Boyfriend
Official Site :
www.studiocanal-distribution.com/xml/flash.html?cfilm=51885
ประเทศผู้สร้าง : Hong Kong / China / France




4:30

เรื่องย่อภาพยนตร์
4:30 หรือตีสี่ครึ่งเป็นเวลาที่คนฆ่าตัวตายมากที่สุด เพราะมันดึกเกินกว่าที่จะหลับ และเร็วเกินไปที่จะตื่น หนังเล่าถึงเด็กชายวัย 11 ขวบ ชื่อ เซียวหวู อยู่ตามลำพังในอพาร์ตเมนต์เพราะแม่ไปทำงานที่ปักกิ่ง นานๆ ครั้งแม่จึงจะโทรทางไกลมาหา เขาไม่มีใครดูแล ไม่มีคนพูดคุย ไม่มีเพื่อน ตอนกลางวันเซียวหวูไปโรงเรียน แต่เขามักจะเผลอหลับจนถูกครูลงโทษ บ่อยครั้งเขาไม่ยอมทำการบ้านตามที่ครูสั่ง โดยเฉพาะการวาดรูป “ความใฝ่ฝัน” โดยเซียวหวูบอกว่าเขาไม่เคยฝัน และการเขียนเรียงความเรื่อง “คนเก่งของฉัน” ซึ่งเด็กผู้ชายมักจะเขียนถึงพ่อของตนเอง อันที่จริงเซียวหวูไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีชายชาวเกาหลีวัยสามสิบชื่อ จุง ที่แม่พามาเช่าพักในอพาร์ตเมนต์ แต่ทั้งสองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีการพูดคุยทักทาย ราวกับว่าต่างพกพาโลกลำพังไว้กับตัวตลอดเวลาเรื่องที่จุงไม่เคยรู้คือ เวลาตี 4 ครึ่ง ซึ่งจุงมักจะเมาหลับใหลไม่รู้สึกตัว เซียวหวูจะย่องเข้ามาในห้องของเขา ค้นสัมภาระและหยิบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ กลับออกไปในแสงสลัวของช่วงเวลาที่ฟ้าใกล้สว่าง เซียวหวูจะพินิจพิจารณาสิ่งเหล่านั้น พร้อมกับบันทึกลงในหนังสือ ราวกับเป็นการค่อยๆ ทำความรู้จักเพื่อนเพียงคนเดียวในโลก โดยเรื่องราวเกี่ยวกับจุงเพียงเรื่องเดียวที่เซียวหวูรู้แน่ชัดคือ จุงต้องการฆ่าตัวตาย โลกของคนเหงา 2 คน ได้เข้ามาซ้อนเหลื่อมกันในที่สุด เซียวหวูและจุงค่อยๆ เปิดทางให้แก่กันมากขึ้น ทำให้บางค่ำคืนแห่งความเหงาทั้งสองไม่ต้องโดดเดี่ยวลำพัง เซียวหวูยึดเกาะจุงไว้เป็นเหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่เขาจะต้องจมหายไปในความเดียวดาย

เกี่ยวกับภาพยนตร์

สำหรับผู้กำกับฯสิงคโปร์ซึ่งเป็นที่รู้จักนอกประเทศ นอกจาก อีริค คู และแจ๊ค เนียว แล้ว รอยสตัน ตัน คือผู้กำกับฯหนุ่มมาแรงอีกคนหนึ่งที่ถูกจับตามองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมารอยสตันผันตัวจากการกำกับหนังโฆษณามาทำหนังยาวเรื่องแรกชื่อ “15” ในปี 2003 โดยขยายความจากหนังสั้นชื่อเดียวกันของตนเอง หนังเกี่ยวกับแก๊งวัยรุ่นสุดหวือหวาที่มีฉากยาเสพติดเรื่องนี้โดนกรรมการเซ็นเซอร์ของสิงคโปร์หั่นทิ้งหลายฉากและได้เรตอาร์หรือจำกัดผู้ชมที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ว่ากันว่าเหตุผลลึกๆ ที่ทางการไม่ปลื้มเพราะหนังใช้ภาษาฮกเกี้ยนมากเกินไป แทนที่จะใช้ภาษาจีนกลางหรือภาษาอังกฤษ

ปี 2005 รอยสตันมีงานใหม่ชื่อ 4 : 30 ด้วยสไตล์นิ่งเงียบสงบเสงี่ยมต่างจากผลงานเรื่องแรกโดยสิ้นเชิง ชื่อหนังหมายถึงเวลาตี 4 ครึ่ง ซึ่งรอยสตันอธิบายว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาสัมผัสถึงความเหงาจับจิต ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงการเชื่อมต่อกับผู้คนได้ เป็นความรู้สึกขัดแย้งที่ยากอธิบายจนต้องถ่ายทอดออกมาเป็นหนัง ขณะที่หนังเหงาๆ เรื่องอื่นมักจะไม่บอกกล่าวปมหรือปูมหลังความเป็นมาของตัวละครเท่าใดนัก แต่รอยสตันได้เติมเต็มตัวละครใน 4 : 30 ให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงปมปัญหาสำคัญอันเป็นที่มาของพฤติกรรมของตัวละคร และถือเป็นความดีความชอบของบทหนังที่เขียนโดยรอยสตันและ เลียม เยียว ในการสื่อถึงเรื่องดังกล่าวทั้งที่หนังทั้งเรื่องมีบทสนทนานับครั้งได้ รวมทั้งใช้ภาพเล่าเรื่องง่ายๆ คอยช่วยเสริมเช่น ฉากที่บอกว่าเซียวหวูไม่มีพ่อ และให้ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับจุงในสายตาของเซียวหวู ผ่านการอ่านเรียงความเพียงฉากเดียว หรือฉากกลางดึกที่เซียวหวูดูหนัง พร้อมกับพูดบทสนทนาของตัวละครหนึ่งโต้ตอบกับอีกตัวได้อย่างแม่นยำ ทำให้เข้าใจได้ว่าเซียวหวูดูหนังเรื่องนี้เพื่อฆ่าเวลายามดึกดื่นมาแล้วหลายรอบ และการโต้ตอบกับตัวละครในหนังก็เหมือนกับได้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์(สังเกตว่าเซียวหวูพูดทับบทของตัวละครหญิงโต้ตอบกับตัวละครชาย เมื่อนำมาเชื่อมกับเรื่องราวความใกล้ชิดกับจุง หนังจึงมีแง่มุมของรักร่วมเพศปะปนอยู่)

หากการย่องเข้าห้องจุง หยิบสิ่งของ และจดบันทึก คือการทำความรู้จักเพื่อนเพียงคนเดียวของเซียวหวู หนังได้ค่อยๆ เพิ่มระดับให้เซียวหวูรู้จักจุงมากขึ้น โดยครั้งแรกสิ่งที่เซียวหวูหยิบกลับออกมาเป็นเพียงขยะที่บอกว่าจุงกินอะไร ชิ้นต่อมาคือชิ้นส่วนจากร่างกายของจุง อีกวันหนึ่งเป็นภาพถ่ายคู่ของคนทั้งสอง จนเมื่อเซียวหวูกับจุงแบ่งปันความรู้สึกต่อกัน ชิ้นส่วนในบันทึกวันต่อมาจึงเป็นคราบน้ำตาบนเสื้อ การที่เซียวหวูบันทึกความสัมพันธ์เหล่านี้ไว้ท้ายแต่ละบทของหนังสือจึงเปรียบเป็นเรื่องราวที่ดำเนินคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และเซียวหวูไม่ต้องการสูญเสียมันไป และเพราะเหตุนี้ เมื่อความสัมพันธ์ดังกล่าวต้องสะบั้นลงก่อนถึงบทสุดท้ายจึงนำพาความโศกเศร้าถึงที่สุด เหมือนว่าโลกก่อนฟ้าสว่างของเซียวหวูจะมืดมิดลงตลอดกาล

ว่าไปแล้วเรื่องของคนเหงาผู้โหยหากับการล่วงล้ำ “พื้นที่ส่วนตัว” อาจทำให้นึกถึง Chungking Express(1994) ของหว่องกาไว ขณะเดียวกัน เรื่องราวทำนองนี้กับสไตล์ภาพนิ่งเงียบ เนิ่นนาน และพฤติกรรมไม่เด่นชัดของตัวละครก็ใกล้เคียงกับ Vive L’Amour(1994) ของ ไฉ้หมิงเลี่ยง อย่างยิ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ฉากตัวละครชาวต่างชาติพยายามแขวนคอในห้องพัก กับความสัมพันธ์ของคนเหงา 2 คน ยังพ้องกับ Last Life in the Universe(2003) ของ เป็นเอก รัตนเรือง

รายละเอียดภาพยนตร์

ชื่อภาษาอังกฤษ : 4:30
ภาษา : สิงคโปร์
ประเภท : ดราม่า
ผู้กำกับ / เขียนบท : Royston Tan
นำแสดงโดย : Zhang Xiao Wu - Xiao Li Yuan / Jung - Kim Young Jun
ความยาว : 93 นาที
กำหนดฉาย : 2005
Official Site
http://www.zhaowei.com/430/synopsis.html


วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2551

Once - Original Soundtrack (Oscar Award Winner)

Once

เรื่องย่อภาพยนตร์

Once คือ เรื่องราวเปี่ยมแรงบันดาลใจของสองชีวิตที่โคจรมาพบกันบนถนนเมืองดับลินอันสับสนวุ่นวาย คนหนึ่งคือนักดนตรีข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงของตัวเอง อีกคนหนึ่งคือสาวเชคลูกหนึ่งที่พยายามหาทางปรับตัวเข้ากับเมืองใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่ได้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างค้นพบพรสวรรค์ในตัวกันและกัน และช่วยผลักดันให้ฝันของอีกฝ่ายเป็นจริง หนังได้รับการยกย่องว่าอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยมีกลิ่นอายหนังเพลงคลาสสิคในอดีตผสมกับโลกไร้ขนบของหนุ่มสาวชาวดับลิน
เกี่ยวกับภาพยนตร์

งานสร้าง : แฮนซาร์ดและเออร์โกล ว่านักแสดงนำทั้งสองคนของเรื่องนี้ไม่เคยมีผลงานการแสดงมาก่อน พวกเขาเป็นนักดนตรีมืออาชีพ ผู้กำกับคาร์นี่ย์เคยเป็นมือเบสให้วง The Frames ของแฮนซาร์ดมาก่อน แรกเริ่มเดิมทีเขาขอให้เพื่อนเก่าอย่างแฮนซาร์ดเล่าวีรกรรมเกี่ยวกับการเล่นดนตรีให้ฟังเพื่อนำไปสร้างหนัง รวมถึงให้เขาช่วยแต่งเพลงประกอบให้ด้วย ตอนนั้นคาร์นี่ย์วางตัวนักแสดงนำชายไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คืออดีตศิลปินร็อคผู้ผันตัวมาเป็นนักแสดง ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ย์ แต่เมอร์ฟี่ย์ซึ่งควบตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างด้วยนั้น ปฏิเสธที่จะแสดงคู่กับสาวน้อยเออร์โกลว่าที่ไม่มีพื้นฐานการแสดงเลย และแสดงความอึดอัดที่จะร้องเพลงเสียงสูงของแฮนซาร์ดจึงถอนตัวไปในที่สุด ผู้อำนวยการสร้างคนอื่นก็หอบเงินกลับไปด้วย คาร์นี่ย์จึงหันไปพึ่งแฮนซาร์ดเพื่อนนักดนตรีที่มีผลงานการแสดงเพียงชิ้นเดียวคือ The Commitments (1991) ในบทมือกีต้าร์ เอาท์สแปน ฟอสเตอร์ กับเรื่องราวของวงดนตรีโซลวงหนึ่งในเมืองดับลิน แฮนซาร์ดลังเลใจในตอนแรก เพราะกลัวว่าจะทำออกมาไม่ดี แต่เมื่อตกลงเงื่อนไขกันว่าเขาจะได้มีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างอย่างใกล้ชิด และหนังเรื่องนี้จะใช้ทุนต่ำและเป็นกันเองมาก ๆ แฮนซาร์ดจึงตอบตกลง "แม้ตอนแรกผมจะอยากใช้นักแสดงฝีมือดีที่สามารถร้องเพลงได้มาแสดง แต่ต่อมาผมก็คิดได้ว่าควรทำกลับกัน นั่นคือใช้นักดนตรีฝีมือดีที่สามารถแสดงได้แทน ผู้กำกับคาร์นี่ย์ให้สัมภาษณ์" Once ใช้ทุนสร้างไปเพียง 160,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทุนตรงนี้ส่วนหนึ่งได้มาจากคณะกรรมการภาพยนตร์ไอริช บวกกับเงินส่วนตัวของผู้กำกับคาร์นี่ย์เอง เขามอบเงินค่าจ้างของตัวเองให้สองนักแสดงนำ และสัญญาจะแบ่งรายได้ให้กับทีมงานทุกคนทีหลังหากหนังประสบความสำเร็จ Once ใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมด 17 วัน โดยใช้ทีมงานหลัก ๆ เพียงไม่กี่คน ผู้กำกับประหยัดเงินทุนโดยใช้แสงธรรมชาติและถ่ายทำที่บ้านเพื่อน ๆ ฉากปาร์ตี้ดนตรีถ่ายทำในห้องพักของแฮนซาร์ดเอง โดยมีเพื่อน ๆ ของเขาแสดงเป็นนักดนตรีและคนที่มางานปาร์ตี้ แถมแม่ของเขา (แคทเธอรีน แฮนซาร์ด) ยังได้โชว์ร้องเพลงเดี่ยวด้วย ส่วนฉากถนนเมืองดับลินนั้นเป็นการลักลอบถ่ายทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ทีมงานใช้เลนส์ยาวในการถ่ายทำเพื่อที่คนทั่วไปจะได้ไม่รู้ว่ากำลังมีการถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่ นอกจากนี้เลนส์ยาวยังช่วยให้นักแสดงสมัครเล่นสองคนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เขินกล้อง และบทสนทนาบางตอนก็เป็นการค้นสดของทั้งคู่ แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่ากลายเป็นคู่รักในชีวิตจริง ตั้งแต่ระหว่างถ่ายทำเรื่อยมาจนถึงระหว่างทัวร์โปรโมทหนังทั่วอเมริกาเหนือ แหล่งข่าว Entertainment Weekly รายงานว่า เคมีระหว่างนักแสดงนำทั้งสองสร้างง่ายมากในการถ่ายทำในดับลินเมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 "ผมตกหลุมรักเธอมานานแล้ว แต่ก็บอกตัวเองเรื่อยมาว่าเธอยังเด็ก" แฮนซาร์ดที่ตอนนี้อายุ 38 พูดถึงนางเอกของเขาที่อายุน้อยกว่าถึง 18 ปี (ทั้งคู่รู้จักกันมานาน 7 ปีแล้ว และตอนนี้กำลังคบกันอยู่) "มันเป็นความรู้สึกของการสำรวจบางอย่างที่มีค่าและเป็นส่วนตัวมาก ๆ นักแสดงนำทั้งสองคนต่างชื่นชอบตอนจบของหนัง โดยแฮนซาร์ดให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้า Fox Searchlight Pictures เปลี่ยนตอนจบให้เราจูบกัน ผมคงไม่อยากเดินสายโปรโมทหนังแน่ ๆ" เขายังให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ด้วยว่าในตัวอย่างหนังมีอยู่ฉากหนึ่งที่ตัวละครของเออร์โกลว่าพูดกับตัวละครของเขาเป็นภาษาเชคโดยไม่มีซับไตเติ้ลว่าฉันรักคุณ และขณะถ่ายทำเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าประโยคนั้นแปลว่าอะไร ทั้งแฮนซาร์ดและเออร์โกลว่าให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าประทับใจว่าพวกเขาไม่ต้องการสานต่อการแสดง เออร์โกลว่าสารภาพว่าเธอรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าทีมงาน "ฉันว่าฉันคงไม่สามารถเป็นนักแสดงที่ดีได้" ส่วนแฮนซาร์ดบอกว่าหนังเรื่องนี้พูดถึง "การก้าวต่อไป...ดำเนินชีวิตที่แตกต่าง"

Box Office : ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2007 ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่สองที่ Once ออกฉายในอเมริกาและแคนาดา หนังติดอันดับยอดนิยมของเว็บไซต์ indieWIRE ด้วยรายได้เกือบ 31,000 ต่อโรง และในวันที่ 6 ธันวาคม 2007 หนังก็เก็บรายได้ทั่วโลกไปทั้งหมด 14 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยเป็นรายได้เฉพาะในอเมริกา 9 ล้านดอลล่าร์ฯ ด้วยทุนสร้างเพียง 160,000 ดอลล่าร์ฯ

เพลงประกอบภาพยนตร์ : อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ Once ออกวางแผงในไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2007 และติดอันดับ 20 ของชาร์ทที่นั่น ส่วนในอเมริกาวางแผงเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2007 และติดอันดับอัลบั้มซาวด์แทร็คยอดนิยมอันดับ 10 เมื่อวันที่ 01 มิถุนายน วันที่ 11 กรกฎาคม 2007 อัลบั้มนี้ขายได้ 54,753 แผ่นในอเมริกา แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่าได้เข้าชิง 2 รางวัล Grammy Award ได้แก่ รางวัลอัลบั้มเพลงประกอบยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์หรือสื่อทางภาพอื่น ๆ และรางวัลเพลงยอดเยี่ยมที่แต่งขึ้นสำหรับภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์ หรือสื่อทางภาพอื่น ๆ ซึ่งได้แก่เพลง Falling Slowly ที่สำคัญเพลงนี้ได้รางวัลออสการ์สาขาเพลงดั้งเดิมยอดเยี่ยม และได้รับรางวัลบทเพลงยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจล ลิสด้วย

รายชื่อเพลงในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ Once

01 "Falling Slowly" – เกล็น แฮนซาร์ด และ มาร์เกตา เออร์โกลว่า (แต่งโดยแฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า)

02 "If You Want Me" – เออร์โกลว่าและแฮนซาร์ด (แต่งโดยเออร์โกลว่า)

03 "Broken Hearted Hoover Fixer Sucker Guy" – แฮนซาร์ด

04 "When Your Mind’s Made Up" – แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า

05 "Lies" – แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า (แต่งโดยแฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า)

06 "Gold" – Interference (แต่งโดยเฟอร์กัส โอ ฟาร์เรล)

07 "The Hill" – เออร์โกลว่า (แต่งโดยเออร์โกลว่า)

08 "Fallen from the Sky" – แฮนซาร์ด

09 "Leave" – แฮนซาร์ด

10 "Trying to Pull Myself Away" – แฮนซาร์ด

11 "All the Way Down" – แฮนซาร์ด

12 "Once" - แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า

13 "Say It to Me Now" – แฮนซาร์ด

(หมายเหตุ: ทุกเพลงแต่งโดย เกล็น แฮนซาร์ด ยกเว้นเพลงที่มีวงเล็บระบุผู้แต่งด้านหลัง)

รายละเอียดภาพยนตร์
ชื่อภาษาอังกฤษ : Once
ชื่อภาษาไทย : ครั้งเดียว
สัญชาติ : ไอริช
ภาษา : อังกฤษ
ประเภท : โรแมนติค / เพลง
ผู้กำกับ / เขียนบท : จอห์น คาร์นี่ย์ (Zonad, On the Edge, Park)
นำแสดงโดย : เกล็น แฮนซาร์ด (นักร้องนำและมือกีตาร์วงร็อคไอริชชื่อดัง The Frames)
มาร์เกตา เออร์โกลว่า (นักดนตรีหญิงชาวเชคชื่อดัง)
ความยาว : 95 นาที
จัดจำหน่าย : มงคลเมเจอร์
กำหนดฉาย : 28 กุมภาพันธ์ 2008

ข้อมูลจาก : adintrend.com